ปัจจุบันนี้ม่านหน้าต่างมีให้เลือกใช้หลายชนิด บทความนี้จะเปรียบเทียบการใช้งานระหว่าง ผ้าม่าน และ ม่านปรับแสง(ใยสังเคราะห์) มาให้เห็นถึงความแตกต่างและความเหมาะสมของม่านทั้งสองชนิดในก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อมาติดบ้านกัน
ผ้าม่าน
ในร้านม่านหากพูดถึงผ้าม่านจะหมายถึงผ้าที่ทอจากเส้นใยธรรมชาติจำพวกฝ้ายหรือใยสังเคราะห์ มีลักษณะเด่นคือให้ความรู้สึกพริ้วไหว นุ่มนวลเป็นธรรมชาติกว่าม่านชนิดอื่นๆ มีให้เลือกใช้มากมายทั้งชนิดที่กันแสงได้ ชนิดที่ยอมให้แสงผ่านได้บ้าง และ แบบที่โปร่งแสงหรือที่เรียกกันว่าผ้าโปร่ง
จัดเป็นม่านที่มีรูปแบบของวัสดุให้เลือกใช้มากที่สุด สามารถตกแต่งได้หลายแนวไม่ว่าจะทันสมัย หรือ คลาสสิคตามความต้องการของเจ้าของบ้าน ถ้าหากท่านเจ้าของบ้านต้องการเปิดม่านเพื่อให้เห็นวิวภายนอก ในขณะที่ต้องการความเป็นส่วนตัวด้วยก็เลือกติดตั้งผ้าม่านแบบโปร่ง(ผ้าโปร่ง) หรือ หากต้องการป้องกันความร้อนจากแสงแดด ก็เลือกใช้เป็นผ้าม่านกันแสงหรือผ้าม่านทึบแสง
ลักษณะการเปิด-ปิดใช้งานของผ้าม่านจะขึ้นอยู่กับการตัดเย็บ เช่น ถ้านำมาตัดเย็บเป็นม่านจีบ ม่านตาไก่หรือม่านลอนจะใช้การดึงม่านให้เลื่อนหากันเป็นแบบทั่วไป หรือ ถ้านำมาตัดเย็บเป็นม่านพับการใช้งานก็จะเป็นการดึงม่านขึ้นหรือลงในแนวดิ่ง
ม่านปรับแสง
ม่านปรับแสง คือ รูปแบบของม่านชนิดหนึ่งประกอบด้วยใบม่านขนาด89มิลลิเมตร เรียงร้อยกันและ แขวนอยู่กับรางในแนวดิ่ง ตัวใบแต่ละใบสามารถปรับทิศทางของใบในมุมที่ต้องการได้ ใบม่านมีทั้งที่นี้ผลิตจากอลูมิเนียม พีวีซี และ เส้นใยสังเคราะห์
จุดเด่นของม่านปรับแสงที่เด่นกว่าผ้าม่านก็คือ ในกรณีที่เราต้องการเห็นวิวด้านนอก โดยที่ไม่ต้องการให้แดดส่องเข้ามาภายในก็สามารถทำได้(ในบางมุมของแสง) โดยการปรับมุมของใบม่านให้ตั้งฉากกับทิศที่แดดส่องเข้ามา ซึ่งถ้าหากเป็นผ้าม่านต้องทำการรวบม่านเพื่อเก็บเท่านั้น
สำหรับใบชนิดใยสังเคราะห์มีใบให้เลือกใช้3แบบได้แก่ แบบแสงผ่านได้ แบบทึบแสง และแบบซันสกรีน สำหรับข้อด้อยของม่านปรับแสง จะเป็นเรื่องของรูปแบบและลักษณะของตัวใบม่าน ที่ดูไม่พริ้วไหวเหมือนผ้าม่าน จึงดูเหมือนจะเหมาะสำหรับใช้ในงานที่ตกแต่งที่ทันสมัยมากกว่ารูปแบบอื่น แต่ในปัจจุบันก็มีความนิยมใช้ม่านปรับแสงกันทั้งในบ้านและสำนักงาน
บ้านและม่านเป็นของอยู่คู่กัน หากจะกล่าวถึงเหตุผลของการนำม่านมาติดที่บ้านก็มีอยู่หลักๆ
คือ
1.)
ช่วยบังสายตาคนภายนอกให้มองเข้ามาเพื่อความเป็นส่วนตัว
2.) ใช้ม่านเพื่อกันไม่ให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายใน
โดยที่เราเลือกที่จะเปิดหรือปิดการรับแสงได้ไม่เหมือนกับการติดฟิมล์ที่กระจก
3.)
ใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามหรือเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งในการตกแต่งห้อง
ในการเลือกซื้อเลือกม่านชนิดไหนก็ตาม ควรคำนึงถึง ประโยชน์รวมถึงความเหมาะสม ความสวยงามในการตกแต่ง ความชอบของผู้อาศัยหรือผู้ใช้งานม่านก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน และ สิ่งสำคัญอีกสิ่งคือเรื่องของงบประมาณ
สำหรับผ้าม่านช่วงราคาจะค่อนข้างกว้าง เนื่องจากเนื้อผ้ามีให้เลือกมากพอสมควร
เมื่อนำมาคำนวนเป็นราคาผ้าม่านแต่ละแบบก็จะออกมาหลากหลาย
ส่วนม่านปรับแสงช่วงราคาจะแคบกว่ากันมาก
เนื่อจากมีชนิดและแบบให้เลือกไม่มากซึ่งโดยมากจะมีราคาไม่หนีกันมาก
บทความที่เกี่ยวข้อง มู่ลี่และผ้าม่าน มีจุดดีจุดด้อยต่างกันอย่างไร?
บทความโดย : ร้านผ้าม่านไทย 15 มิถุนายน 2546 ; last update : 31 สิงหาคม 2567
