ม่านม้วน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Roller Blinds เป็นม่านที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอยู่ในปัจจุบันเนื่องจากม่านม้วนมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์และช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากม่านประเภทอื่นๆ มีความสะดวกในการนำเอาไปใช้งาน และการทำงานของกลไกการม้วนของม่านที่สามารถม้วนเก็บได้อย่างเรียบร้อยสบายตาและประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง
ม่านม้วนในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกหลายประเภท ทั้งแบบทึบแสง โปร่งแสง และชนิดกันแดด แถมยังมีการออกแบบมาให้สามารถป้องกันรังสีจากแสงแดดได้อีกด้วย การออกแบบลวดลายของม่านม้วนในปัจจุบันก็มีให้เลือกหลายแบบเช่นเดียวกันแต่ส่วนใหญ่จะเป็นลวดลายแบบเล็กๆเน้นความเรียบง่ายธรรมดา ซึ่งโดยมากแล้วส่วนที่ต่างกันจะเป็นส่วนของtextureของตัวม่าน
ความพิเศษของม่านม้วนนั้นก็คือระบบการติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก(จัดเป็นม่านที่ติดตั้งได้ง่ายที่สุด) และไม่กินพื้นที่ในการติดตั้ง(ใช้พื้นที่ประมาณ10ซม.เท่านั้น) วัสดุที่ใช้เอามาผลิตเป็นตัวม่านนั้นจะไม่ใช่ผ้าแบบม่านทั่วๆไปแต่จะเป็น ใยสังเคราะห์ ซึ่งโดยมากแล้วจะมีคุณสมบัติที่ไม่เกาะฝุ่น และง่ายต่อการทำความสะอาด การเลือกใช้ม่านม้วนจะแบ่งออกเป็น 3 แบบซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปคือ
ม่านม้วนแบบซันสกรีน(กันแดด) ม่วนม้วนลักษณะนี้จะเหมาะกับห้องทำงาน ร้านอาหาร หรือ ออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยป้องกันแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง แต่ไม่ถึงกับทึบสนิท ยังสามารถมองผ่านออกไปข้างนอกได้
จุดเด่นของม่านซันสกรีน
- ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นวิวด้านนอกของหน้าต่างได้โดยที่ตัวม่านยังถูกปิดอยู่
- ดึงม่านปิดแล้วไม่รู้สึกปิดทึบให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
ข้อจำกัดของม่านแบบซันสกรีน
- เนื่องด้วยตัวม่านมีลักษณะเป็นเส้นใหญ่ที่ทอกันห่างๆทำให้ม่านชนิดนี้ไม่สามารถป้องกันแสงแดดได้ถึง100%
- โดยขณะที่ดึงตัวม่านปิดลงในบางช่วงเวลาแสงแดดจะมีโอกาศผ่านเข้ามาภายในห้องได้(ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่แสงแดดทำมุมกับตัวม่าน)
ม่านม้วนแบบทึบแสง(แบล็กเอ้าท์) ม่านม้วนลักษณะนี้เหมาะกับห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง อย่างเช่นห้องนอน หรือห้องประชุม หรือภายในห้องนอน ซึ่งจะสามารถป้องกันแสงแดดที่เข้ามาในห้องได้ทั้งหมด และยังช่วยบดบังสายตาจากบุคคลภายนอกอีกด้วย
จุดเด่นของม่านแบล็กเอ้าท์(blackout)
- ป้องกันแสงได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับใบม่านทั้ง3ชนิด โดยสามารถป้องกันแสงได้มากกว่า 95%(โดยประมาณ)
- เนื่องจากป้องกันแสงได้มากจึงทำให้ความร้อนก็เข้ามาได้น้อยตามไปด้วย
- ม่านม้วนชนิดแบล็กเอาท์บางรุ่นมีผิวสัมผัสที่มันลื่นทำให้ฝุ่นไม่ติดทำให้ดูแลรักษาได้ง่ายเหมาะกับผู้อาศัยที่มีปัญหาเรื่องฝุ่นและเวลาในการดูแลรักษา
ข้อจำกัดของม่านแบล็กเอ้าท์(blackout)
- เนื่องจากเมื่อปิดม่านลงแล้วแสงไม่สามารถส่องผ่านเข้ามาได้จึงอาจทำให้รู้สึกอึดอัดได้ ม่านชนิดนี้จึงเหมาะกับบริเวณที่แดดจัดบางช่วงเวลาเท่านั้น สำหรับเวลาที่แดดไม่ส่องก็ดึงม้วนเก็บขึ้นไป
ม่านม้วนแบบให้แสงส่องผ่านได้ หรือ ดิมเอ้าท์ ม่านม้วนลักษณะนี้เหมาะกับห้องที่ต้องการแสงสว่างแต่ไม่มากจนเกินไป แสงที่ส่องผ่านเข้ามากับม่านแบบนี้จะให้แสงที่มีความนุ่มนวลเป็นธรรมชาติที่สุด เหมาะกับห้องที่ต้องการบรรยากาศแบบสบายๆ แต่แฝงไว้ด้วยความเป็นส่วนตัวเล็กน้อย
จุดเด่นของม่านม้วนแบบแสงส่องผ่านได้
- ให้ความส่วนตัวกับผู้อาศัยขณะปิดม่านลงได้ โดยที่ภายในห้องยังคงมีแสงสว่างอยู่
- มีราคาย่อมเยากว่าใบม่านม้วนแบบอื่น
- ป้องกันแดดได้แต่ยังมีแสงผ่านเข้ามาภายในได้
ข้อจำกัดของตัวม่านชนิดแสงส่องผ่านได้
- ป้องกันความร้อนได้เพียงระดับนึงเท่านั้นเนื่องจากยังมีความร้อนที่แฝงเข้ามากับแสง
ระบบการทำงานของม่านม้วนมีให้เลือกทั้งแบบใช้โซ่ดึงขึ้นและระบบใช้แรงของสปริงดึงกลับในการปิดม่านเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม การติดตั้งม่านม้วนนั้นจะช่วยให้ห้องดูเป็นสัดส่วน และเป็นระเบียบ สามารถที่จะเลือกระดับของผ้าม่านให้สูงต่ำได้ตามต้องการ การติดตั้งที่ไม่กินพื้นที่มากและเมื่อม้วนม่านเก็บจะเห็นพื้นที่ของหน้าต่างแบบเต็มๆซึ่งเป็นจุดเด่นของม่านม้วนซึ่งม่านชนิดอื่นๆทำได้ยาก
บรรยากาศที่ได้จากการตกแต่งด้วยม่านม้วนนั้นจะให้บรรยากาศที่มีความเป็น modern มีความทันสมัย ช่วยขับบรรยากาศในห้องให้ดูดีขึ้นมาได้ ถือว่าเป็นผ้าม่านอีกประเภทหนึ่งที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการบ้านแบบทันสมัยและบรรยากาศแบบยุคใหม่ ม่านม้วนสามารถที่จะตอบโจทย์การแต่งบ้านในลักษณะนี้ได้อย่างดีทีเดียว
บทความโดย : ร้านผ้าม่านไทย 27 พฤศจิกายน 2556 ; last update : 3 กันยายน 2567